โมเด็ม
1 - โปรแกรมการสื่อสารของคุณจะส่งแรงดันไฟฟ้าทั่วพอร์ตอนุกรมขา 20 ซึ่งได้เชื่อมต่อโมเด็ม
สัญญาณแรงดันไฟฟ้าเป็นที่รู้จักกันเป็นข้อมูลสถานีพร้อม (ข้อมูลสถานี Ready) หรือเพียงแค่ DTR สัญญาณนี้
บอกโมเด็มว่าเครื่องคอมพิวเตอร์เปิดอยู่และพร้อมที่จะส่งข้อมูล ในเวลาเดียวกันที่คอมพิวเตอร์จะตรวจสอบแรงดันไฟฟ้าของโมเด็ม
เมื่อขา 6 - สัญญาณของสถานีที่ได้รับ Ready (ข้อมูลพร้อมชุด) หรือ DST - ซึ่งจะช่วยให้เขารู้ว่าโมเด็มคือ
พร้อมที่จะรับข้อมูลหรือคำแนะนำ ในการเชื่อมต่อปกติสัญญาณทั้งสองจะต้องมีบางสิ่งบางอย่างก่อนที่จะ
อื่นสามารถเกิดขึ้นได้
2 - การใช้ภาษาแบบสอบถามมาตรฐานที่เรียกว่าโมเด็มเฮย์สเฮย์สเพราะมันเป็นในเธอก็กลายเป็นที่นิยมโปรแกรม
การสื่อสารที่จะส่งคำสั่งไปยังโมเด็มผ่านสาย 2, สายส่งข้อมูล คำสั่งแจ้งให้คุณ
ตะขอกระโปรงโมเด็ม - คือเชื่อมต่อกับสายโทรศัพท์ โปรแกรมดังต่อไปนี้คำสั่งอีกเฮย์ส
ถามเสียงโมเด็มหรือสายพัจำเป็นเพื่อให้การโทรจากหมายเลขโทรศัพท์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
โมเด็มตระหนักถึงคำสั่งการส่งสัญญาณไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่บนเส้น 3 เส้นรับข้อมูลรับข้อมูล (สาย)
3 - เมื่อโมเด็มในส่วนอื่น ๆ ของการเชื่อมต่อโทรศัพท์ - โมเด็มระยะไกล - ตอบโทรโมเด็มท้องถิ่นของพวกเขาจะส่งเสียง
การสื่อสารเพื่อให้โมเด็มระยะไกลรู้ว่าคุณจะถูกเรียกโดยโมเด็มอื่น โมเด็มระยะไกลตอบสนองกับเสียง
สูงกว่า (ฉันสามารถได้ยินเสียงทั้งสองว่าโมเด็มของคุณมีลำโพง.)
4 - เมื่อมีการจัดตั้งการสื่อสาร, โมเด็มของคุณส่งสัญญาณไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ตรวจสอบสาย (CD หรือผู้ให้บริการตรวจสอบ)
บรรทัดที่ 8 สัญญาณแจ้งโปรแกรมการสื่อสารโมเด็มรับสัญญาณซีดีซึ่งเป็นโทนอย่างต่อเนื่อง
ความถี่บางอย่างซึ่งต่อมาจะมีการปรับในการส่งข้อมูล
5 - สองแลกเปลี่ยนข้อมูลโมเด็มกับวิธีที่พวกเขาจะจัดการส่งของข้อมูลกระบวนการที่เรียกว่าการจับมือกัน
(จับมือ) โมเด็มทั้งสองจะต้องอยู่ในข้อตกลงเกี่ยวกับความเร็วในการโอน, จำนวนบิตที่
แต่งแพ็คเก็ตข้อมูล - ตัวอย่างเช่นตัวอักษรตัวเดียว - บิตกี่จะส่งสัญญาณเริ่มต้นและสิ้นสุดของแพ็กเก็ตถ้า
โมเด็มจะใช้บิตความเท่าเทียมกันสำหรับการตรวจสอบข้อผิดพลาดและจะดำเนินการในช่วงครึ่งเพล็กซ์หรือสองเต็ม ถ้า
ระบบภายในและระยะไกลไม่ได้ใช้การตั้งค่าเดียวกันการส่งตัวอักษรที่จะไม่ทำให้รู้สึกใด ๆ หรือไม่
จะสื่อสารในทางใดทางหนึ่ง
ส่ง TVelocidade - แม้ว่าความเร็วในการส่งจะแสดงมักจะอยู่ในบอด - จำนวน
การเปลี่ยนแปลงความถี่ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง - เป็นคำที่ล้าสมัยเป็นบิตที่เหมาะสมมากขึ้นต่อวินาที
สถานการณ์ปัจจุบัน โมเด็มรับส่งข้อมูลในครั้งแรก 300 บิตต่อวินาทีก็ประสบความสำเร็จโดยการส่งความถี่
บิต 0 เพื่อแสดงที่แตกต่างกันและเป็นหนึ่งในการแสดงบิต 1 สัญญาณจากสายโทรศัพท์ถูก จำกัด ด้วยวิธีการที่รวดเร็ว
มันสามารถเปลี่ยนความถี่การสร้างความต้องการสำหรับโครงการที่แตกต่างกันเพื่อเพิ่มอัตราการส่งข้อมูล
กลุ่มของรหัสจะช่วยให้ความถี่ที่แตกต่างกันในการส่งมากกว่าหนึ่งบิตในเวลา ออกอากาศ 1,200 บิตต่อ
สองตัวอย่างเช่นสัญญาณจะถูกส่งไปในความเป็นจริง 600 บอด แต่สามความถี่ที่แตกต่างกันจะใช้สำหรับการ
เป็นตัวแทนของสามคู่ที่แตกต่างกันเป็นไปได้ของบิตไบนารี 0 และ 0 0 และ 1, 1 และ 1 โครงการที่คล้ายกันรวมมากขึ้น
ความถี่มากขึ้นด้วยการรวมไบนารีที่จะไปถึง 2,400 บิตต่อวินาที สำหรับอัตราการส่งผ่านได้เร็วขึ้น
สองโมเด็มต้องใช้วิธีการบีบอัดข้อมูลขนาดเดียวกันผ่านการจดจำรูปแบบที่มักจะ
ซ้ำ 0 และ 1 โดยใช้รหัสแม้มีขนาดเล็กเพื่อเป็นตัวแทนของรูปแบบเหล่านี้
เลือก Data Bits - ระบบการสื่อสารอาจจะใช้บิตทั้งเจ็ดและแปดเป็นตัวแทนของแพ็คเก็ตของข้อมูล (วันที่
แพ็คเก็ต) ในตัวอย่างนี้เราใช้แปดบิต
บิต Start / Stop - แต่ละแพ็คเก็ตข้อมูลจะใช้บิตเดียวเพื่อส่งสัญญาณเริ่มต้น (Start) ของตัวละครและหนึ่งหรือสอง
บิตเพื่อส่งสัญญาณสิ้นสุดของมัน ตัวอย่างเช่นให้ที่นี่ใช้บิตหยุดหนึ่ง (บิตหยุด)
แพริตี้บิต - เป็นรูปแบบของการแก้ไขข้อผิดพลาดทั้งสองระบบจะต้องตกลงที่จะใช้ความเท่าเทียมกันคี่หรือแม้กระทั่งไม่มีใคร
ถ้าพวกเขาเลือกที่คี่หรือแม้กระทั่งทั้งระบบเพิ่มขึ้นบิตที่มีอยู่ในตัวอักษรและเพิ่มบิตที่รู้จักกันอีก
เป็นบิตพาริตี บิตนี้สามารถเป็นได้ทั้ง 0-1 มันเป็นสิ่งจำเป็นที่ทั้งหมดเป็นเลขคู่หรือเลขคี่
ขึ้นอยู่กับความเท่าเทียมกันว่าระบบทำงานร่วมกัน บิตพาริตี้ที่ใช้สำหรับการตรวจสอบข้อผิดพลาด
Half-Duplex/Full เพล็กซ์ - ทั้งสองระบบจะต้องเห็นด้วยกับการที่จะต้องรับผิดชอบในการแสดงข้อความบนคอมพิวเตอร์
สถาน ระบบจะต้องได้รับการกำหนดค่าสำหรับสองเต็มและครึ่งเพล็กซ์ไปยังอีก ระบบที่ใช้สองเต็ม
จะเป็นผู้รับผิดชอบสำหรับการแสดงข้อความบนทั้งสองระบบและจะ echo ข้อความที่ส่งไปโดยระบบใด ๆ
ครึ่งเพล็กซ์ หากทั้งสองระบบไม่ได้ใช้การตั้งค่าเพล็กซ์ที่สมบูรณ์ไม่ได้ข้อความใด ๆ ที่ปรากฏบนระบบ
ตัวละครแต่ละท้องถิ่นหรือปรากฏขึ้นสองครั้ง
6 - เมื่อโปรแกรมการสื่อสารที่ต้องการส่งข้อมูลก็จะส่งแรงดันไฟฟ้าเป็นครั้งแรกที่สายแบบอนุกรม 4
ในความเป็นจริงนี้ขอส่งสัญญาณ (Request เพื่อส่ง RTS) ถามโมเด็มถ้ามันมีอิสระที่จะได้รับ
ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ถ้าโมเด็มระยะไกลได้รับข้อมูลที่คุณต้องการย้ายไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์และคอมพิวเตอร์ไม่ว่างการดำเนินการอื่น
กิจกรรมเป็นดิสก์บันทึกของข้อมูลที่ส่งไปก่อนหน้านี้เครื่องคอมพิวเตอร์ระงับสัญญาณ RTS ซึ่งหมายความว่า
โมเด็มที่จะหยุดการส่งข้อมูลจนกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจแล้วรีสตาร์ทสัญญาณ RTS
7 - ถ้าโมเด็มไม่ว่างเกินไปจัดการข้อมูลอื่น ๆ ที่จะได้รับข้อมูลใหม่ระบบก็จะส่งกลับ
ที่ชัดเจนในการส่งสัญญาณ (CTS) กับ PC ผ่านสาย 5 และพีซีพอร์ตอนุกรมตอบสนองโดยการส่งข้อมูลที่จะ
ส่งบนบรรทัดที่ 2 โมเด็มลงในเครื่องคอมพิวเตอร์จะส่งข้อมูลที่ได้รับจากระบบระยะไกลผ่านสายสัญญาณ 3 ถ้าโมเด็มไม่ได้
สามารถที่จะส่งข้อมูลที่ความเร็วเดียวกับที่จะถูกส่งไปมันจะลดลง CTS สัญญาณขอรอพีซี
จนกว่าเขาจะสามารถจับภาพข้อมูลใหม่และจากนั้นพวกเขาถ่ายทอด
8 - ข้ามเส้น, โมเด็มระยะไกลฟังข้อมูลที่จะมาเป็นชุดของเสียงที่แตกต่างกัน
ความถี่ มัน demodulates โทนสีเหล่านี้เป็นสัญญาณดิจิตอลโดยการส่งพวกเขาไปยังคอมพิวเตอร์ที่รับข้อมูล ในความเป็นจริงคอมพิวเตอร์ทั้ง
สามารถส่งและรับสัญญาณในเวลาเดียวกันเนื่องจากการใช้ระบบมาตรฐานของเสียงช่วยให้โมเด็มทั้งสอง
ด้านความแตกต่างของสัญญาณของสัญญาณเอาท์พุท
9 - เมื่อคุณป้อนโปรแกรมของคุณที่จะยุติเซสชั่นการสื่อสารโปรแกรมส่งคำสั่งอีกครั้งเพื่อให้เฮย์ส
โมเด็มเพื่อที่จะหยุดการเชื่อมต่อโทรศัพท์ ถ้าการเชื่อมต่อถูกทำลายโดยระบบจากระยะไกล, โมเด็มของคุณจะส่งสัญญาณ
ตรวจสอบสาย (CD) ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณโปรแกรมบอกว่าการสื่อสารสิ้นสุดวันที่
